จุดนิดเล็กนิดเดียวมีผลต่อประวัติศาสตร์โลก

จุดนิดเล็กนิดเดียวมีผลต่อประวัติศาสตร์โลก โดยมีดังต่อไปนี้

-เราสูญเสียดาวเทียมเพราะวิศวกรใช้หน่วยวัดผิด

ด้านทีมล็อกฮีดมาร์ตินก็ได้สร้างดาวเทียมที่เอาไว้ใช้เข้าไปสำรวจของสภาพอากาศที่อยู่บนดาวอังคารครึ่งโดยจะใช้หน่วยวัดแบบอิมพีเรียลเป็นนิ้วฟุลปอนด์แกลลอนหลาและไมล์แทนที่หน่วยระบบวัดเมตริกที่ได้ช้ในวงการวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์ โดยที่ไม่ได้แจ้งให้นาซาทราบ ซึ่งมันส่งผลให้ดาวเทียมนี้ได้โคจรไปผิดจากดาวอื่นๆจนกระทั่งนาซาเองจะต้องยอมแพ้และได้ปล่อยให้มันนั้นได้โคจรหายไป

– น็อตหลุมตัวเดียวทำให้ยานสำรวจดวงจันทร์ได้พังพินาศ

ในปี1969ทางโซเวียตนั้นก็ได้ตัดสินใจที่จะสร้างจนรวดn1 เพื่อที่จะเดินทางไปยังดวงจันทร์แต่ในขณะที่มันกำลังได้ทำการปล่อยจรวจอยู่นั้นได้เกิดเหตุได้มีน็อตตัวหนึ่งได้เกิดหลุมลงไปในถังเชื้อเพลิงจึงส่งผลทำให้จรวดทั้งลำนั้นได้เกิดการระเบิดหลังจากที่มันนั้นได้ถูกปล่อยออกไปประมาณ20วินาที ซึ่งในการระเบิดครั้งนี้มันก็ได้กลายมาเป็นเหตุเกิดการระเบิดในครั้งใหญ่ที่สุดของมนุษยชาติ

-เยรมนีพ่ายแพ้ในวัน ดีเดย์

นายเออร์วินรอมเมลนั้นก็ได้มีหน้าที่ที่จะรับผิดชอบป้องกันการเข้ามารุกรานของฝ่านสำพันธมิตรในช่วงของสงครามโลกครั้งที่สองในปีประมาณ1944 ในวันที่6มิถุนายนก็ได้เป็นวันเกิดของภรรยาของเออร์วินรอมเมล เขาได้กลับไปฉลองวันเกิดรวมกับภรรยาของเขาที่บ้านจากนั้นในจัดหวะระยะเวลานั้นเองก็มีทหารได้มีการนำกำลังพลขึ้นบนบกที่เมืองนอร์มังดีจากนั้นก็ได้ส่งผลทำให้ประเทศเยรมนีก็ได้กลายเป็นฝ่ายที่จะต้องพ่านแพ้ในสงครามโลก

-การลืมใส่จุดทศนิยมทำให้ผักโขมเปลี่ยนเป็นจุดยอดอาหาร

ในปี1879ได้มีนักเคมีชาวเยรมนีคนหนึ่งก็ได้มีการคิดคำนวนขอธาตุเหล็กที่มันได้มีอยู่ในชนิดของผักต่างๆแต่สำหรับในตอนที่เขาได้จดบันทึกข้อมูลเขาก็ได้จดค่าของธาตุเหล็กในผักลงไปเป็นค่าประมาณ35มิลลิกรัมจากที่ได้มีการพบเพียงแค่ประมาณ3.5มิลลิกรัมเพียงเท่านั้น ถึงแม้ว่าหลังจากนั้นมันจะมีงานที่วิจัยอีกมากมายที่ได้ออกมายืนยันกับข้อมูลที่ได้เกี่ยวข้องกับผักโขมแต่ในความรู้นั้นได้ว่ากันว่าผักโขมนั้นมันคือสุดยอดของอาหารที่มันได้มีธาตุเหล็กที่สูงเอามากๆที่มันได้มีคนนำเอาไปบอกเล่าและสืบทอดต่อกันมาจนถึงในปัจจุบัน

– เครื่องบินสองลำได้พังย่อยยับการอากาศเพราะใช้หน้าต่างแบบสี่เหลี่ยม

The da havilland Comet มันเป็นเครื่องบินเจ๊ทที่เอาไว้ใช้ในช่วงยุคปี1950และในปี1954เครื่องบินทั้งสองลำนั้นก็ได้หักออกเป็นสองชิ้นในขณะที่มันได้ลอยอยู่ท่ามกลางอากาศจึงทำให้ผู้โดยสารประมาณ54คนนั้นต้องเสียชีวิตลงทั้งนี้ยังได้มีผู้ที่เชี่ยวชาญยังได้ออกมาบอกว่าหน้าต่างที่มันได้เป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมมันได้เป็นจุดอ่อนของเครื่องบินลำนี้เพราะมันไม่ทานต่อแรงกดอากาศ

เรื่องนี้ถูกเขียนใน ประวัติศาสตร์ และติดป้ายกำกับ คั่นหน้า ลิงก์ถาวร