ทำไมต้องเปลี่ยนแปลงไม่เปลี่ยนแปลงไม่ได้หรอ?

การปฏิวัติอุตสาหกรรม คือ จักรกลที่ผลักดันความเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ในตอนนั้นเพราะอุตสาหกรรมทำให้เกิดผู้ผลิตเกิดเจ้าของปัจจัยการผลิต และเกิดความต้องการแรงงานจำนวนมากหลายๆประเทศเริ่มตั้งคำถามกับระบอบเก่าที่ตัวเองอยู่มานาน

ซึ่งเทรนด์ ก็คือ ระบอบเก่าไม่สามารถปรับตัวเพื่อนำพาสังคมให้ไปรอดในโลกอนาคตได้เมื่อทำไม่ได้หรือไม่ได้รับการไว้วางใจการผลัดดันเพื่อการเปลี่ยนแปลงก็ตามมาและการเปลี่ยนแปลงไม่ได้หมายความว่าต้องเปลี่ยนเป็นประชาธิปไตยเสมอไปด้วยเช่น

ญี่ปุ่นทำการปฏิรูปเมจิช่วงปี พ.ศ.2432หรือ ค.ศ.1889เปลี่ยนประเทศจากระบอบศักดินาของขุนนางหรือพวกไดเมียวเป็นระบอบสมบูรณาสสิทธิราชย์

โดยจักรพรรดิขับเคลื่อนประเทศด้วยทุนนิยมมุ่งหน้าเข้าสู่การเป็นประเทศมหาอำนาจอุตสาหกรรมจนเป็นชาติเอเชียแต่ชนะสงครามกับรัเซียได้ในปีพ.ศ.2448หรือ ค.ศ.1905จากนั้นลิทธิบูชาทหารญี่ปุ่นก็รุ่งเรืองขึ้นมาทันที

การปฏิวัติซินไฮ่ในประเทศจีนเกิดขึ้นเมื่อ พ.ศ.2454หรือ ค.ศ.1911เป็นการปฏิวัติเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบกษัตริย์

ซึ่งได้มีมาหลายพันปีและเข้าสู่ยุคการแย่งชิงอำนาจอีกยาวนานกว่า40ปีและในช่วงของสงครามโลกครั้งที่1การเมืองในยุโปรก็ทวีความรุนแรงเกิดการปฏิวัติรัสเซียพระเจ้าซาร์หมดอำนาจในปี พ.ศ.2460หรือ ค.ศ.1917 อีกหนึ่งปีต่อมาในออสเตรีย-ฮังการี ไกเซอร์วิลเฮ็ล์มที่2ก็ถูกขับไล่เช่นกัน

สองเหตุการณ์หลังเป็นสิ่งที่ส่งอิทธิพลกับการเมืองในสยามมากๆเห็นได้จากการประกาศคณะราษฎรฉบับที่1มีช่วงหนึ่งระบุว่า ไม่มีประเทศใดในโลกจะให้เงินเจ้ามากเช่นนี้ นอกจากพระเจ้าซาร์และพระเจ้าไกเซอร์เยอรมันซึ่งชนชาตินั้นได้โค่นบัลลังก์เสียแล้ว

สำหรับประเทศสยามที่มีการเปลี่ยนแปลงมาในปี พ.ศ.2474หรือ ค.ศ.1932ถ้าเทียบกับเหตุการณ์ระดับโลกแล้วก็ถือว่าการเปลี่ยนแปลงมาช้าไปหลายสิบปีเลยทีเดียวอีกแป๊ปเดียวสงครามโลกครั้งที่สองก็จะปะทุขึ้นแล้วแล้วอย่าลืมว่าคณะราษฎรเกือบทุกคนไม่ว่าจะสายพลเรือนหรือสายทหารมีพื้นเพจากคนที่ถูกส่งไปเรียนต่อในโลกตะวันตกที่เจริญก้าวหน้าและเสรีภาพเป็นเรื่องใหญ่

โดยเฉพาะยุโรป ทั้ง ฝรั่งเศส เยอรมัน อังกฤษ ซึ่งในช่วงเวลาประมาณ ค.ศ.1920 ระหว่างสงครามโลกครั้งที่หนึ่งงและครั้งที่สองช่วงเวลานั้นความเจริญเริ่มกลับเข้ามาหาคนชนชั้นกลางที่มีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆการผลิตที่เคยเน้นผลิตอาวุธสงครามก็เปลี่ยนมาผลิตรถยนต์จำนวนมากเพื่อให้คนเข้าถึงได้พร้อมที่เข้าถึงที่ห่างไกลมาขึ้นมีวิทยุมีโทรศัพท์ตามบ้านมากขึ้นเรื่อยๆ

โดยเฉพาะวิทยุที่เริ่มแพร่หลายเช่นในอังกฤษBBC Radioที่เป็นสื่อสาธารณะก็เริ่มออกอากาศในช่วงนั้นโทรทัศน์ขาวดำก็เริ่มประดิษฐ์ในช่วงนั้นเช่นเดียวกัน

 

สนับสนุนโดย  dewabet

เรื่องนี้ถูกเขียนใน ประวัติศาสตร์ และติดป้ายกำกับ , คั่นหน้า ลิงก์ถาวร