ตำนานคนเปล่าขลุ่ย

ณ เมืองแห่งหนึ่งซึ่งถูกตั้งชื่อว่าเมืองแห่งความสกปรกเนื่องจากที่นี่นั้นสกปรกมากมีขยะอยู่เต็มไปหมดถ้าถึงแล้วจะมีถังขยะก็ไม่มีใครนำขยะถังขยะเลยทำให้ทางเมืองนำขยะออกและทิ้งขยะตามข้างทางที่เดินผ่านไปแทน

ทำให้ไม่ว่าจะไปตรงไหนของเมืองแห่งนี้ก็จะมีแต่ความสุขกับโรงโสโครกเด็กๆหลายๆคนต่างก็ป่วยและเสียชีวิตกันไปเนื่องจากความสกปรกของที่นี่แต่ที่นี่นั้นก็ไม่ได้ทำการเปลี่ยนแปลงอะไรและยังใช้ชีวิตกับความสกปรกเหมือนเดิมซึ่งที่นี่นั้นไม่ว่าจะไปมุมไหนจะมีหนูอยู่มากมายเต็มไปหมด

เนื่องจากความสกปรกที่มีอยู่มากมายซึ่งหลังจากที่ชาวบ้านหมดความอดทนเนื่องจากมันฆ่าครอบครัวกันไปจนเกือบหมดตระกูลแล้วชาวบ้านจึงพากันไปหารัฐมนตรีแห่งเมืองสกปรกแล้วบอกว่าต้องการให้ทางรัฐมนตรีสั่งให้ลูกจ้างทั้งหมดออกมาทำความสะอาดเมืองสะอาด

เพื่อที่จะได้ไม่มีโรคระบาดไม่มีความสกปรกรวมถึงกำจัดหนูไปด้วยทางรัฐมนตรีนั้นก็บอกไปว่าหากใครที่สามารถที่จะไล่หนูออกไปจากเมืองแห่งนี้ได้เขาจะตบรางวัลให้อย่างงามเนื่องจากทางรัฐมนตรีสามารถทำความสะอาดเมืองได้แล้ว

แต่ยังไม่สามารถที่จะไล่หนูไปได้หมดทั้งเมืองเพราะมันมีมากเกินไป 1 วันต่อมาได้มีชายคนหนึ่งแต่งตัวตลกๆเหมือนกับเป็นตัวตลกซึ่งเขานั้นได้เดินทางเข้ามาในห้องประชุมของรัฐมนตรีซึ่งเขาบอกว่าเขาสามารถที่จะนำหนูออกไปจากเมืองแห่งนี้ได้แต่รัฐมนตรีจะต้องให้เงินเขา 200 เหรียญซึ้งทางรัฐมนตรีก็ตอบตกลงทันทีและหลังจากนั้นชายหนุ่มที่แต่งตัวดูตลกก็เดินออกไปจากห้อง

ของนายกรัฐมนตรีพร้อมกับหยิบขลุ่ยคู่ใจของเขาขึ้นมาหลังจากนั้นเขาก็เป่าบทเพลงจากแผ่นเพลงหนึ่งซึ่งมันก็ไม่ได้ถือกับว่าไพเราะมากแต่มันก็ทำให้ชวนพิศวง หลังจากผ่านไปประมาณ 1 นาทีก็มีหนูจากทั่วทุกสารทิศของเมืองเดินออกมากันเป็นแถวหลังจากนั้นใช้เป่าขลุ่ยก็เป่าขลุ่ยต่อไปพร้อมกับเดินไปตรงลำธารเมื่อเขาอยู่ตรงนั้นพร้อมยางเป่าขลุ่ยต่อไป

เราก็เดินตามเขาไปพร้อมกับเดินลงไปในน้ำทั้งหมดทั้งเมืองจนตอนนี้ทั้งเมืองก็ไม่มีหนูอีกต่อไปรัฐมนตรีดีใจมากแต่จะให้เงินเขาแค่ 50 เหรียญเท่านั้นคนนั้นโกรธมากจึงเป่าขลุ่ยเพลงพิศวงอีกเพลงนึงซึ่งคราวนี้เด็กๆของทั้งเมืองได้เข้าไปในถ้ำแห่งหนึ่ง

ซึ่งเขาก็ปิดทำเอาไว้ชาวบ้านเสียใจมากที่เสียลูกๆไปจนสั่งให้รัฐมนตรีช่วยจ่ายเงิน 200 เหรียญให้กับชายคนนั้นเพื่อเขาจะได้กอดลูกของพวกเขามาซึ่งตอนแรกรัฐมนตรีก็ไม่ยอมแต่เมื่อรู้ว่าลูกชายของเขาเองก็อยู่ในถ้ำเช่นเดียวกันเขาจึงยอมจ่ายเงิน 200 เหรียญให้กับชายคนนั้นและสุดท้ายคุณเป่าขลุ่ยก็ปล่อยให้เด็กๆออกมาจากข้างในที่สุดซึ่งเรื่องนี้สอนให้รู้ว่าเราไม่ควรที่จะหลอกลวงผู้อื่น สุดท้ายกรรมจะตามเราทัน

 

สนับสนุนโดย  sagame

เรื่องนี้ถูกเขียนใน ตำนาน และติดป้ายกำกับ , คั่นหน้า ลิงก์ถาวร