ความขัดแย้งของ กัมพูชา และ สหรัฐอเมริกา ปี1960

สำหรับฝั่ง กัมพูชาหลังจากที่ได้รับเอกราชก็ได้ประกาศตัวจะเป็นกลางซึ่งได้มีความสัมพันธ์ทางด้านทางการทูตทั้งฝั่งสหรัฐอเมริกา โซเวียต และ จีน ไปพร้อมๆกัน

สำหรับในด้านของการปกครอง หลังจากที่ได้รับเอกราชมา1ปีจากนั้นก็ได้มีรัฐสภาได้เกิดขึ้นมา โดยกษัตรีย์ นโรดม สีหนุ ก็ได้เสียสละที่จะสละราชบัลลังก์จากนั้นก็ได้เข้ามาดำรงณ์ตำแหน่งทางการเมืองในฐานะนายกรัฐมนตรีเป็นคนแรกของ กัมพูชา หลังจากนั้นต่อมาในปี1960ก็ได้มีการเปลี่ยนไปเข้าไปดำรงณ์ตำแหน่งที่ได้ก่อขึ้นกันขึ้นมาใหม่ที่เรียกว่า ประมุขแห่งรัฐ

ในชนชั้นในการปกครองของกัมพูชาหลังจากที่ได้รับเอกราชก็ได้เป็นด้านของพรรคการเมืองที่อยู่ฝ่ายขวา ฝ่ายอนุรักษ์นิยม และ สมาชิกด้านราชวงค์ได้เข้ามารวมตัวกันได้มาเป็นกระบวนการที่มีชื่อว่าขบวนการแสงคำหรือสังคมราษฎรนิยม

ซึ่งก็ได้หมายความว่า ถือแม้ว่า กษัตรีย์ นโรดม สีหนุ จะทรงนำประเทศแบบเป็นกลางในเวทีการเมืองในระหว่างประเทศแต่ภายในประเทศก็ได้มีฐานเสียงที่เป็นชนชั้นนำที่อยู่ฝ่ายขวาที่ไม่ชอบคอมมิวนิสต์ไม่ชอบเวียดนามนั้นเอง หลังจากนั้นในปี1960 ในสงครามเวียดนามก็ได้รุนแรงมากยิ่งขึ้นและมันก็ไม่ได้เป็นแค่ในสงครามตัวแทนอีกต่อไปเพราะว่าด้านฝั่งของสหรัฐอเมริกาก็ได้ส่งทหารของตัวเอง

มาเข้าร่วมรบกันแบบเต็มตัวเลยก็ว่าได้ และ กัมพูชา ก็ได้เข้ามามีความขัดแย้งในสงครามนี้ด้วยเพราะว่าด้านฝั่งของสหรัฐอเมริกาไม่เห็นด้วยเลยที่กัมพูชาได้ยอมให้เวียดนามเหนือได้ลำเรียงกำลังให้ผ่านฝั่งกัมพูชา หรือ ที่ได้เรียกกันว่า โฮจิมินห์เทรล

จากนั้นกัมพูชาก็ได้ถูกสหรัฐอเมริกาได้ทิ้งระเบิดตามชายแดนจากนั้นก็ได้เกิดความไม่พอใจให้กับประชาชนที่ได้มีความโกรธแค้นจากผลกระทบของผลการที่ได้ทิ้งระเบิดและจากชนชั้นปกครองที่ไม่พอใจที่จะดูเหมือว่าได้ทำให้กัมพูชาได้เข้าข้างคอมมิวนิสต์เวียดนามเหนือและอีกอย่างหนึ่งเลย

ในกัมพูชานั้น ก็ได้มีวัฒนธรรมของความเกลียดชังที่ได้ซ่อนเอาไว้อยู่ ซึ่งมันได้เป็นกระแสของชาตินิยมที่ได้ปลุกปั้นขึ้นมาให้ได้เป็นศัตรูกับเวียดนามในทางด้านประวัติศาสตร์ คล้ายๆกับที่ประเทศไทยเรานั้นจะต้องเกลียดประเทศเพื่อนบ้านเวลาที่พวกเรานั้นได้เรียนประวัติศาสตร์ก็เหมือนกันประมาณนั้น จากเหตุการณ์ของความเดือดร้อนจากราษฎรที่ได้ถูกฝั่งอเมริกาได้ทิ้งระเบิดแถวๆบริเวณฝั่งของชายแดน

จากนั้นก็ได้ทำให้ชนชั้นนำต่างก็ไม่พอใจจากการได้ยอมให้เวียดนามเหนือได้ใช้เป็นทางผ่านลำเรียงคนและอาวุธแถมด้วยความสนิดสนมกับด้านรัฐบาลจีนที่ได้เป็นคอมมิวนิสต์อีกต่างหากของ กษัตรีย์ นโรดม สีหนุ จากนั้นมัมนก็ได้ทำให้ความนิยมของกษัตรีย์นั้นได้เสื่อมลงและได้ตกต่ำเป็นอย่างมากจากนั้นเรื่อยมาจนมาถึงทศวรรษที่1970โดลกก็ยังได้อยู่ในวงการขัดแย้งแบบเดิมๆคือจีนกับโซเวียตนั้นเขาได้ทะเลาะกันมาเป็นสิบปีแล้ว จากนั้นสหรัฐอเมริกาก็ได้รบในสงครามเวียดนามมาอย่างยาวนาน

 

ขอบคุณผู้ให้การสนับสนุนโดย  bk8 pantip

เรื่องนี้ถูกเขียนใน ประวัติศาสตร์ และติดป้ายกำกับ , คั่นหน้า ลิงก์ถาวร